สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานของมนุษย์เราให้ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป องค์กรทั่วโลกเตรียมปรับตัวเข้าสู่ยุคอนาคต ทั้งในด้านวิธีการทำงานและพนักงานของตนเองด้วยการเร่งนำรูปแบบ การทำงานสมัยใหม่เข้ามาใช้ โดยไม่เพียงมุ่งหวังแต่จะก้าวข้ามวิกฤตในปัจจุบันเท่านั้นแต่ยังเพื่อการรองรับการใช้ชีวิตแบบวิถีชีวิตใหม่ (new normal) อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่รูปแบบการทำงานแบบดิจิทัลในที่ทำงานนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วขึ้น และปัจจุบันหลายองค์กรในภูมิภาคได้นำการทำงานรูปแบบดิจิทัลมาเชื่อมต่อในที่ทำงานเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
ของธุรกิจในภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประสบความสำเร็จมากขึ้นจากการปรับรูปแบบ การทำงานเป็นแบบผสมระหว่างการทำงาน นอกสถานที่ทำงานและในสถานที่ทำงาน
ของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางแผนที่จะลงทุนในส่วนของการเงินบนอินเตอร์เน็ต
ของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า ในการนำเสนอดิจิทัลในอนาคต
มาตรการการเว้นระยะห่างกำลังผลักดันให้องค์กร บริหารจัดการการดำเนินงานในรูปแบบการทำงานนอก สถานที่ทำงานไม่ใช่เพียงแค่การทำงานประจำวันทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการว่าจ้างงานที่สำคัญอีกด้วย
การประกาศรับสมัครงานในประเทศสิงคโปร์
ในช่วงที่อัตราการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สูง
ซึ่งเป็นช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา
มีการระบุหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวกับการทำงานนอกสถานที่ทำงาน
(เช่น "work from home" หรือการทำงานจากที่บ้าน)
กำกับไว้อย่างชัดเจน
บริษัทในประเทศมาเลเซียจำนวนมาก
กำลังว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาควบคุม
และบริหารการทำงานจากแบบนอกสถานที่ทำงาน
บริษัทในกลุ่ม BPO (Business Process Outsourcing)
รายใหญ่ของประเทศฟิลิปปินส์ใช้รูปแบบ
virtual recruitment เป็นแนวปฏิบัติในการจ้างงาน
แม้ว่าเทคโนโลยีขั้นสูงได้ถูกนำมาใช้โดยองค์กรมากมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานมาตั้งแต่ก่อนการเกิดโรคระบาดไวรัสแล้วนั้น แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเทคโนโลยีขั้นสูงถูกนำมาใช้เป็นจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การทำงานในรูปแบบดิจิทัลกำลังได้รับ
ความสนใจจากหลายภาคส่วนของประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมค้าปลีก และอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค
มีการปรับใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นในประเทศเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบการทำงานด้วยลักษณะการสนทนาโดยใช้ข้อความพูดคุย(CHATBOTS) และการแก้ปัญหาของการแพทย์ทางไกล (TELEMEDICINE)
JR Automation ได้ช่วยจัดทำระบบสำหรับกระบวนการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์
เป็นระบบอัตโนมัติสำหรับโรงพยาบาล
ขนาดใหญ่ของรัฐแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ ส่งผลให้ความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์น้อยลงและระยะการรอคอยลดลงเป็นอย่างมากช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ถูกต้องรวดเร็วยิ่งขึ้น
การทำงานนอกสถานที่ทำงานทำให้การแบ่งแยกระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวไม่ชัดเจน ดังนั้นองค์กรส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวโดยสนับสนุนให้พนักงานปรับหาความสมดุลของตนเองด้วยหลักการการจัดการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และการเพิ่มขวัญกำลังใจให้พนักงานผ่านกิจกรรมการสร้างความสามัคคีที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้องานในระหว่างเวลางานด้วย
ของพนักงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชื่นชอบเงื่อนไขการงานที่มีความยืดหยุ่นแม้จะเป็นช่วงภายหลังการแพร่ระบาดก็ตาม
คนของของประชาชน
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ต้องการความยืดหยุ่น
ในเรื่องของสถานที่และเวลาการทำงาน
ของพนักงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จะพิจารณาการลาออกจากงานประจำ
หากไม่มีความยืดหยุ่น
แหล่งอ้างอิง
ปัญหาสุขภาพจิตในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ต้องตระหนัก อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งสถานการณ์ การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ยิ่งก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
องค์กรทั้งในระดับพหุภาคีและท้องถิ่น
กำลังร่วมมือกันพัฒนาความตระหนักรู้
ทางด้านสุขภาพจิตให้แก่เยาวชน
ของประเทศอินโดนีเซีย
สมาชิกรัฐสภาประเทศสิงคโปร์
ให้ความสำคัญในการยกปัญหาสุขภาพจิต
ของผู้ที่ต้องทำงานที่บ้าน
มาเป็นประเด็นพิจารณาในการประชุมรัฐสภา
สถาบันการเงินชั้นนำในประเทศมาเลเซีย
กำลังอัดฉีดเงินลงทุนในโรงพยาบาลของรัฐ
เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขซึ่งครอบคลุมไปถึงการจัดอบรม
ด้านปัญหาและดูแลสุขภาพจิต
ให้กับสังคม
วันที่เผยแพร่: ตุลาคม 2564