นับเป็นโอกาสอันดีและสดใสของภูมิภาคอาเซียนในปี 2562 อันเนื่องจากความตึงเครียดของความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ที่ทำให้บรรดาผู้ผลิตหลายรายย้ายโรงงานออกจากประเทศจีนมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะกระจายห่วงโซ่อุปทานจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและกลุ่มประเทศอาเซียนก็พร้อมที่จะดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆii:
ประเทศไทยวางแผนก่อตั้งเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าใน 5 ปี
มาเลเซียมีกำลังการผลิตที่ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์โมดูลถึง 4.3 กิกะวัตต์ ถือเป็นกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับสามของโลกที่อยู่นอกประเทศจีน
เวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
แม้จะมีสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ก็ไม่ทำให้โอกาสของภูมิภาคนี้ลดลงแต่อย่างใด และถึงจะยังไม่มีมาตรการรองรับภาวะวิกฤติจากโรคระบาด แต่ในขณะนี้บรรดาผู้สังเกตการณ์เชื่อว่าวิกฤติการณ์นี้ได้เร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยี อุตสาหกรรม 4.0 มาใช้ซึ่งช่วยเบิกทางไปสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะในภูมิภาคiii
อุตสาหกรรม 4.0 หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมผ่านการเชื่อมต่อระหว่างกัน ระบบอัตโนมัติ จักรกลการเรียนรู้ ข้อมูลแบบเรียลไทม์iv ในบางครั้งก็หมายรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตแบบอัจฉริยะ เป็นการนำกระบวนการผลิตและการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จักรกลเรียนรู้ และข้อมูลบิ๊กดาต้า มารวมกันเพื่อสร้างระบบอีโคซิสเท็มที่เชื่อมโยงให้แก่บริษัทผู้ผลิต จากข้อมูลของ McKinsey พบว่า ภูมิภาคอาเซียนมีผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก 216 พันล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็น 627 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการก้าวขึ้นสู่เทคโนโลยี อุตสาหกรรม 4.0 อย่างไรก็ตามการก้าวกระโดดไปสู่v อุตสาหกรรม 4.0 นี้สร้างภาระสำคัญให้กับแรงงานในอาเซียน
เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มประเทศอาเซียนเคยแข่งขันด้วยเรื่องค่าแรงที่ต่ำ สิ่งนี้ทำให้การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้น้อยลง การก้าวไปสู่การเปิดรับเทคโนโลยีของอาเซียนในปัจจุบันล้าหลังกว่าจีนซึ่งทุ่มการลงทุนอย่างหนักในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตของจีนเพิ่มขึ้น 84% ในช่วงเวลาเดียวกันเทียบกับ 38% โดยเฉลี่ยสำหรับกลุ่มประเทศอาเซียนvi
นอกจากนี้ COVID-19 ยังส่งผลกระทบต่อภูมิภาคนี้ด้วยการก่อให้เกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทานและกระบวนการผลิต การขาดวิสัยทัศน์ในวางแผนห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตในภูมิภาค ผู้ผลิตที่พึ่งพากระบวนการทำงานด้วยแรงงานคนเป็นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด การพึ่งพากระvii บวนการผลิตแบบใช้แรงงานคนนำมาซึ่งคุณภาพที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตที่มีระดับต่ำนี้ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของความต้องการในการผลิต
ชมภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้เพื่อดูความสำคัญของการบริหารจัดการจากระยะไกล และสิ่งที่ได้นั้นส่งผลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคุณและเพื่อนร่วมงานได้อย่างไร
ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาเซียนกำลังดึงดูดการลงทุนในภาคการผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการเติบโตของกิจกรรมการผลิตนี้จะทำให้ระดับความเครียดของแรงงานเพิ่มมากขึ้น หากนายจ้างยังคงมีระดับการผลิตที่ต่ำและพึ่งพาแรงงานคนเช่นในปัจจุบัน เมื่อแรงงานไม่สามารถรับมือกับภาระงานที่เพิ่มขึ้นใหม่นี้ได้ บรรดาแรงงานฝีมือที่เชี่ยวชาญในภาระงานใหม่นี้จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ต้องออกจากงาน แรงงานอายุน้อยก็มีแนวโน้มที่จะลาออกเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดภาวะแรงงานหดตัว และปัญหานี้จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกจากจำนวนแรงงานที่ลดลงในภูมิภาคอาเซียน
แนวโน้มด้านประชากรนี้จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคการผลิต ยกตัวอย่างประเทศไทยซึ่งภายในปี 2574 ประเทศไทยจะก้าวไปสู่การเป็น "สังคมผู้สูงอายุ" โดยประชากรมากกว่า 20% จะมีอายุมากกว่า 60 ปี ถือเป็นสัดส่วนผู้สูงอายุที่มากที่สุดในอาเซียน ปัญหานี้จะยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง ส่งให้ซึ่งมีผู้สำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์น้อยลง และคนรุ่นใหม่ไม่สนใจงานด้านการผลิตx
แนวโน้มดังกล่าวจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านอุปทานเนื่องจากแรงงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิต การเกษตรกรรม และบริการ กลายเป็นสิ่งที่หายาก ยิ่งผู้ผลิตต้องพึ่งพาแรงงานมากเท่าใดปัญหานี้ยิ่งสร้างความมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิต Hitachi เข้าใจดีว่าการพูดถึงโรงงานอัจฉริยะและการวิเคราะห์ข้อมูลอาจฟังดูน่ากลัวในตอนแรก เพื่อช่วยให้ง่ายขึ้น เรานำปรัชญาเรื่องการสร้างสรรค์ร่วมกันมาใช้ ซึ่งเราทำงานร่วมกันกับผู้ผลิตในฐานะพันธมิตรเพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ลูกค้าของเราสามารถก้าวข้ามกระบวนการที่ต้องพึ่งพาแรงงานและช่วยแบ่งเบาภาระงานด้วยโซลูชั่นของ Hitachi ที่ออกแบบเฉพาะลูกค้าแต่ละราย
โซลูชั่นของเราที่ประกอบด้วย AI และจักรกลเรียนรู้ สามารถช่วยให้ผู้ผลิตรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์จากส่วนประกอบแต่ละชิ้นเพื่อสร้างตารางการบำรุงรักษาที่ตรงเป้าหมาย
ผู้ผลิตสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็นและปัญหาเสียเวลาช่วงว่างงานอันเนื่องมาจากการหยุดทำงานที่ไม่ได้วางแผนไว้ สิ่งนี้จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสม่ำเสมอในการผลิต และเพิ่มผลกำไรให้กับลูกค้าของเรา
ผลกระทบในเชิงบวกที่ส่งผลสะท้อนไปที่สายการผลิตในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานแถวหน้า ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนจากการใช้แรงงานไปสู่การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีอัตโนมัติในกระบวนการผลิตในแต่ละวันได้ ซึ่งจะทำให้ชั่วโมงการทำงานสั้นลง ลดการทำงานซ้ำซ้อน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตของบริษัท ท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตของอาเซียนดำเนินไปอย่างราบรื่นและแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
นอกจากนั้น Hitachi ยังนำเสนอโซลูชั่นเฉพาะทางอีก 2 โซลูชั่น สำหรับลูกค้าของเราเพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน นั่นคือโซลูชั่นการควบคุมระยะไกลและโซลูชั่น Lumada:
โซลูชั่นการจัดการระยะไกลของเราช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถแบ่งปันการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของโรงงานร่วมกันและหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มากเกินไป สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้สามารถลดภาระผูกพันด้านทรัพยากรและเพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงได้